“ จังหวัดเชียงราย ”
โฮมสเตย์บ้านท่าขันทอง 2 วัน 1 คืนกิจกรรมล้น เที่ยวชุมชนยังไงให้ดูแพง
คุณคะ…ลบภาพความคิดเดิม ๆ ในการท่องเที่ยวโฮมสเตย์แบบเดิม ๆ ไปได้เลยนะ เมื่อโฮมสเตย์ที่กำลังจะเล่าให้ฟัง เป็นโฮมสเตย์ที่ตอบโจทย์สาว ๆ อย่างเราที่สุด อยากสูดอากาศดี ๆ แบบสวย ๆ อยากกินหรู อยู่แพง แต่ราคาไม่แรง ที่นี่คือใช่…ตามเรามว่า 6 August Journey จะพาไปชมว่า 2 วัน 1 คืนเราทำอะไรได้บ้างที่ท่าขันทอง
การเดินทางครั้งนี้เราเริ่มเดินทางจาก ท่าอากาศยานดอนเมือง สู่สนามบินเชียงรายไปพร้อมกับ พี่นกแอร์ ออกตรงเวลาบินไว ถึงก่อนเวลา 10 นาทีแล้วเราก็เช่ารถเพื่อขับไปที่ โฮมสเตย์บ้านท่าขันทอง กัน โดยการเดินทางไปโฮมสเตย์ เราสามารถเรียก Grab ไปก็ได้นะราคาตกแล้ว 800 บาท (ช่องทางสาธารณะ)
เพียง 45 นาทีเราก็ขับรถมาถึง โฮมสเตย์บ้านท่าขันทอง โดยก่อนจะมาถึงเราได้ทำการแจ้งทางหมู่บ้านล่วงหน้าแล้วเพื่อเขาจะสามารถจัดเตรียมกิจกรรม และ ที่พักให้เราได้ซึ่งที่แห่งนี้มีบ้านหลายหลังที่เปิดโฮมสเตย์การมาครั้งนี้เราพักที่บ้านพี่กุลกันบรรยากาศบ้านน่ารักเชียว
เรามาถึงที่นี่ด้วยความหิว เพราะบินเช้าขับรถมาถึงก็สายแล้ว พี่กุลใจดีกับพวกเรามากๆ ด้วยการทำอาหารมื้อแรกให้ทานกัน เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากเพราะไม่คาดคิดว่าพี่ ๆ จะใจดีด้วยการทำอาหารมื้อใหญ่มาให้ทานกัน เมนูเหล่านี้วัตถุดิบหาได้จากรอบ ๆ บ้าน !!!
ส้มตำดอกอัญชัน ข้าวเหนียว ไก่ทอดเกลือ หมูสามชั้นทอด และ แกงอ่อมเนื้อแบบอีสาน หลายคนคงสงสัยเชียงรายอยู่เหนือไม่ใช่หรอทำไมมีอาหารอีสาน เฉลยค่ะ เพราะรากฐานของคนที่นี่เขาเป็นลูกครึ่งกันนั่นเอง กินมื้อนี้เสร็จเห็นอนาคตเลย เราต้องกลิ้งกลับบ้านแน่ ๆ
แล้ววันนี้ชุมชนก็ส่งผู้ชายที่หล่อ และ น่ารักสุด ๆ มาดูแลพวกเราอย่าง ตาปัน ยิ้มหวาน ๆ แถมใจดีดองยาดองให้พวกเรากินด้วย 55+ มาดูกันว่าวันแรกตาปันจะพาหลาน ๆ ไปไหนกันบ้าง แต่ที่แน่ ๆ เที่ยวโฮมสเตย์ยังไงให้ดูแพงเราแนะนำเลยว่า หน้าต้องแน่น เรื่องนี้สำคัญมาก !!! ตัดภาพไปที่แต่ละกิจกรรมกัน
1st Day
ดื่มน้ำอัญชันสวย ๆ พร้อมสีข้าวกล้องด้วยมือตัวเอง
ตัดภาพมาที่ข้าวเปลือกที่เขาไม่นิยมเข้าโรงสี เพราะจะทำให้คุณค่าของข้าวน้อยลง เขาเลยมีกรรมวิธีทำให้ข้าวยังคงมีคุณค่าอยู่ กลายเป็นข้าวกล้องที่สีข้าวด้วยมือ
นอกจากได้ข้าวกินแล้ว ยังได้กินน้ำข้าวกล้องอัญชันด้วย ที่เขาจะเอาไปหุง แล้วมาปั่นใส่ใบเตย และ ดอกอัญชัน หลายคงคงเคยรู้ว่าน้ำข้าวกล้องมีสารต้านอนุมูลอิสระเยอะมาก กินบ่อย ๆ รับรองสวยวันสวยคืนแน่ เที่ยวชุมชนให้ดูแพงต้องสวยนะ 55+
ชิมชาถั่วดาวอินคา จิบชาอย่างผู้ดี
อยากจิบชาอย่างผู้ดีท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ ดีที่นี่เขามี ชาดาวอินคา โดยเขาจะเอาใบอินคามาทำชา ส่วนเมล็ดของมันที่มีรูปเป็นแฉก ๆ คล้ายดาว จะนำมาทำเป็นถั่วทานคู่กัน เรื่องสรรพคุณลองหาตาม Google ได้เลย
นั่งรถอีต๊อกไปทำตัวเปรี้ยวที่สวนเสาวรส
ไหน ๆ ก็มาแล้ว แน่นอนว่าดินแดนแห่งนี้มี สวนเสาวรส หลายสวนมากการได้ลองกินเสาวรสจากต้นเป็นอะไรที่เด็ดมาก เจอลูกที่เปรี้ยวก็เปรี้ยวสุด ๆ แต่ลุง ๆ ป้า ๆ ที่นี่แกเตรียมเครื่องเคียงไปให้ครบ เกลือ น้ำตาล พริกป่นนัวมากเลย 55+
บริเวณสวนเสาวรส จะมีสวนยางใกล้ๆ อยากเที่ยวให้ดูหรูแนะนำเดินเข้าไปถ่ายรูปชิค ๆ กันค่ะ แต่งตัวน่ารักสะบัดกระโปรง หรือ จะเดินทำเท่ท่ามกลางป่ายางก็ทำได้
แวะมาชิมขันโตกมื้อกลางวัน (ชิม !!!)
มาซ้อมกินขันโตกกันก่อน อันนี้แค่ซ้อม เพราะกินจริงคือตอนเย็น การกินขันโตกต้องล้างมือด้วยน้ำในขัน มีกรีบดอกไม้โรยอยู่ และมีผ้าเช็ดมือไว้ให้เราเช็ดมือ เพราะที่นี่รักสิ่งแวดล้อมเขาเลยไม่นิยมให้เราใช้ทิชชู แต่ใช้ผ้าเช็ดมือเอา
เมนูเด็ดของที่นี่ เด็ดทุกเมนู ลำพังแค่ฟักทองต้มยังอร่อยกินกับ แจ่วบองปลาร้า และเมนูพิเศษอย่าง แจ่วลิ่ม ปลาช่อนคือเด็ด กินกับปลาย่าง ต้มแซ่บ คืออร่อยมาก นี่แค่ซ้อมกินนะยังไม่กินจริง 55+
ฝึกทอผ้าฝ้ายสไตล์วินเทจฟ
บรรยากาศบ้านนาท้องทุ่งขนาดนี้ แต่โทนสีผ้าในการทอเขาออกจะวินเทจนะ เราเชื่อเลยว่าสีทำเขาที่เขาทอออกมาจะสามารถเอาไป Mix and Match กับชุดวัยเรา ๆ ได้ไม่ยาก อ่อลืมเล่าไปว่าวันนี้เราขอแต่งชุดของชุมชนบ้านขันทอง ในค่ำนี้ด้วยนะ
อบสมุนไพร นวดไทย ๆ อย่างไฮโซ
การจะนวดให้ได้ผล เลือดลมต้องไหลเวียนกันก่อน เราเลยต้องอบสมุนไพรกันก่อน โดยต้องเปลี่ยนชุดพร้อมเข้าห้องอบสมุนไพร ที่เขาจะมีการต้มสมุนไพรแล้วปล่อยไอของสมุนไพรเข้ามา เราก็จะร้อนและเหงื่อออกเลือดลมหมุนเวียนกันไปจากนั้นก็มานอนนวดแผนไทย ชั่วโมงละ 200 บาท
TBA
ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ จะมีถนนเส้นหลักยาว ๆ ไป และ ถนนเส้นเล็กๆริมฝั่งโขง เราก็ปั่นเล่นกันได้เลยยิ่งช่วงเย็น ๆ พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินก็ปั่นจักรยานมาเล่นกันได้
กินยาดอง หมูปิ้งตาปัน ริมลำโขง
ถือเป็นกิจกรรมที่ห้ามพลาด เมื่อมาเยือนโฮมสเตย์บ้านท่าขันทอง กับการกินหมูปิ้ง ยาดองตาปัน ริมฝั่งโขง บรรยากาศวันที่เราไปฝนตกอย่างหนัก 55+ แต่ความอร่อยสมคำร่ำลือยิ่งนัก ถ้ามาแล้วไม่ได้กินนี่แปลว่ามาไม่ถึงนะ
พิธีบายศรีสู่ขวัญ แห่ขันโตก และ เซิ้งกันอย่างกับผับทองหล่อ
ตกเวลากลางคืนแล้ว จากมือกลางวันซ้อมกินขันโตกกันไปแล้ว เวลานี้ก็เมายาดองได้ที่ 55+ เราจะมากินขันโตกกันจริง ๆ แต่ก่อนจะกินขันโตก เขาก็มีพิธีการบายศรีสู่ขวัญ และ แห่ขันโตกกันตามความเชื่อของคนที่นี่
นอกจากพิธีบายศรีแล้วก็ยังมี การแสดงพื้นบ้าน แหย่ไข่มดแดง เด็ก ๆ ในหมู่บ้านก็มาแสดงความสามารถกัน ต้องยอมรับเลยว่าเด็ก ๆ ที่นี่น่ารักมาก รักวัฒนธรรมบ้านเกิดตัวเอง แถมยังรำกันเป็นด้วย แน่นอนเลยว่าหลายคนต่างมีทริปให้หนูน้อยทุกคน ๆ ละ 10-20 บาท ฟินกันไป
จบด้วยการแดนซ์กันกระจาย สนุกสนานมาก เพราะการแสดงใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้าน แต่ก็ดึงดูดให้คนมาเต้นกันมันมาก นี่นึกถึงซากูระบาร์ที่วังเวียงเลยนะ 55+
ขันโตก กับ ยาดอง
แดนซ์กันจนเหงื่อตกกันแล้ว ต้องหิวข้าวกันบ้าง ตอนนี้เราจะมากินขันโตกของจริงกันกับข้าวก็อร่อย บรรยากาศก็คึกคักเหมือนเราถูกละลายพฤติกรรมด้วยยาดอง 55+
2nd Day
เมื่อคืนนอนสบายมาก ฝนตกทั้งคืน อากาศเย็นๆโดยไม่ต้องเปิดแอร์ เช้ามาก็ทานอาหารเช้ากัน เมนูเด็ดของมื้อเช้าครั้งนี้เป็น น้ำพริกอ่อง กับ ผักสด บอกเลยว่าเด็ดเพราะรสชาติ ล้ำขนาดเจ้า !!! วันนี้เรามีกิจกรรมอีกหลายอย่างให้ทำไปกันต่อเลย
ล่องเรือลำน้ำโขง
ตามจริงโปรแกรมล่องเรือลำน้ำโขง ต้องล่องชมพระอาทิตย์ตกตั้งแต่เมื่อวานเย็น แต่ฝนตกก็เลยมาล่องตอนเช้ากัน บรรยากาศชิลมากพร้อมเรื่องเล่าความเชื่อของลำน้ำแห่งนี้ ชิล ๆบรรยากาศดี
ล่องเรือเสร็จแล้ว เตรียมตัวขึ้นฝั่งไปหากิจกรรมทำกันต่อ ความ coffee break ที่นี่ดีงามไม่แพ้ที่ไหน เพราะเรากำลังจะไปลองทำ และ ทานกันเองเลย
ทำข้าวจี่ ฟักทองชุบไข่ปิ้ง
ข้าวจี่ที่นี่ จะผสมกะทิ น้ำตาล เกลือ เซตตัวไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วนำมาย่างให้ไข่แห้ง เพื่อไม่ให้คาวมากนัก กินกันแบบร้อน ๆ พร้อมอัญชันมะนาว ช่างเป็นของว่างที่เด็ดจริง ๆ
ผิวสวยจากสบู่ธรรมชาติ
ที่นี่เขามีการทำ สบู่จาก เสาวรส แตงกวา สบู่มะขาม และหลากหลายธรรมชาติในหมู่บ้านที่นำมาทำกัน เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่น่าสนใจมาก
ขันโตกใต้ต้นไม้ใหญ่
เดินทางมาถึงอาหารมื้อสุดท้ายกันแล้ว สำหรับขันโตกใต้ต้นไม้ใหญ่ เพิ่มความแซ่บมาที่ส้มตำปลาร้า เด็ดมากประทับใจไม่ลืมเลย กินเยอะ ๆ ก่อนที่จะไปลุยโคนกัน
สไลเดอร์โคลน ๆ ที่เดียวในไทย
กินข้าวกันอิ่มแล้ว ก็กลับมาเก็บกระเป๋า เพื่อเตรียมพร้อมในการเดินทางกลับ ก่อนกลับเราจะแวะไปชมบรรยากาศสไลเดอร์โคน ที่เรียกได้ว่าเราเพิ่งเคยเห็นที่แรกในประเทศไทย ก่อนเล่นใส่ถุงน่องหน่อยนะ กันโดนอะไรบาดขา
จากนั้นก็มาขุดล่องให้มีน้ำ ๆ ลื่น ๆ มีโคลนให้ได้สไลด์ลงไป เด็ก ๆ ทุกคนจะแฮปปี้กันมาก เหมือนเล่นโดยไม่อยากกลับบ้าน แต่ด้วยเราต้องกลับแล้วน้อง ๆ เลยมีเวลาเล่นนิดเดียว
ก่อนจะไปอาบน้ำบาดาล เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเด็กๆก็ลงมาเล่นกันที่ท้องนากันด้วย เป็นความรู้สึกที่เราตกหลุมรักที่นี่เต็ม ๆ เพราะมันธรรมชาติ ผู้คนดูเรียล เหมือนเราย้อนยุคไปอีก 10 ปีถ้าใครไปเชียงรายจะไม่ผิดหวังแน่นอน