“ จังหวัดยะลา ”
อส.1 ชุมชนจุฬาภรณ์พัฒนา 9 จ.ยะลา
“ใต้สุดแดนสยาม ถ้ำงามหินอ่อน พระนอนศรีวิชัย ทะเลใหญ่บนภูเขา ชนเผ่าซาไก”
ตอนเด็กๆ เคยแข่งท่องคำขวัญแต่ละจังหวัดกับเพื่อนมั้ย? เคยเล่นทายที่สุดของประเทศไทยมั้ย?
จังหวัดที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทยคือจังหวัดอะไร? พอจะนึกออกบ้างมั้ย? ถ้านึกไม่ออกจะเฉลยแล้วนะ
จังหวัดนั้นคือ…ย ะ ล า นั่นเอง
การเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดยะลาครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของพวกข้า
แล้วที่สำคัญมาก ๆ เลย ภารกิจคือ จะไปนอนโฮมสเตย์ที่เหมือน…สเตย์โฮมจ้า
โดยชุมชนที่ข้าจะไปนั้นคือ…จุฬาภรณ์พัฒนา 9
…………………………………………..
เริ่มต้นจากขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองในเช้าวันเสาร์ สักพักชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงสนามบินหาดใหญ่ จากนั้นพวกข้าก็ขับรถต่อไปยังหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 ตำบลแม่หวาย อำเภอธารโต จังหวัดยะลา ระยะทางอยู่ที่ 223 กิโลเมตร หรือถ้าโดยประมาณก็ 4 ชั่วโมงจากหาดใหญ่จ้า
…………………………………………..
ใครจะไปรู้ใต้สุดแห่งสยาม จะมีสิ่งสวยงามรอพวกเอ็งอยู่ สถานที่สวยงามที่บอกได้เลยว่ามันคือ แลนด์มาร์คของชุมชนเล็ก ๆ กลางหุบเขานี้ มีอะไรบ้างหรอ? ดังนี้เล้ย!
00 สะพานแขวนกลางธารน้ำตก
01 สวนสัตว์เล็ก ๆ กลางชุมชน
02 จุดชมวิวทะเลหมอก ผาหินโยก
03 ยืนชิดติดขอบทะเลสาปฮาลา-บาลา
04 เข้าป่าตามล่าน้ำตกฮาลาซะห์
05 ล่องเรือ ณ ทะเลสาปฮาลา-บาลา
06 ตามหาต้นสมพงยักษ์ที่ใหญ่โครต
07 ลอยละล่องท่องต้นน้ำฮาลา-บาลา
08 ระลึกถึงประวัติศาสตร์ที่พิพิธภัณฑ์
09 นั่งกินผลไม้บุฟเฟ่ต์ที่จัดเต็มมาก เน้น ๆ ทุเรียน
10 ท้ายสุดห้ามลืมแวะขึ้นไปบนเขื่องบางลาง
มาดูภาพรวมของทริปผ่านคลิปนี้กันน้า พวกข้าตั้งใจทำมาก ๆ ดูเถอะน้าาาา!
อะ ๆ ดูจบแล้วอย่าเพิ่งปิดหนีนะ รายละเอียดที่พร้อมจะแถลงไขอยู่นับจากตรงนี้จ้า
…………………………………………..
การเดินทางไปชุมชนเล็ก ๆ ในป่าใหญ่แห่งนี้ มีหลายแบบด้วยกัน ประมาณนี้เล้ย
(เรียงลำดับจากการเดินทางที่สะดวกที่สุดน้า)
001 นั่งเครื่องไปลงหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จากนั้นก็เลือกเอาว่าจะไปต่อแบบไหน
– เช่ารถยนต์จากสนามบินหาดใหญ่ระยะทาง 223 กิโลเมตร ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ราคาวันละเริ่มต้น 650 บาท
– เช่า+เหมารถตู้พร้อมคนขับ อันนี้ราคาอยู่ประมาณวันละ 2500-3000 บาท
– เหมารถของชุมชน ราคาอยู่ที่รอบละ 2500 บาท
002 รถทัวร์แนะนำว่าลงที่หาดใหญ่ดีที่สุด จากนั้นก็ไปต่อตามข้อ 001 เลยน้า
003 ขับรถไปเอง สำหรับอันนี้ต้องสำหรับมากันหลายคน เปลี่ยนกันขับได้ ชอบขับรถจริง ๆ เพราะระยะทางเนี้ยใช่จะเล่นๆ นะ จากกรุงเทพฯ ก็ 1180 กิโลเมตรอะ ออกจะฮาร์ดคอร์เลยแหละ
…………………………………………..
ค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยว ณ ชุมชนจุฬาภรณ์พัฒนา 9 ดังนี้
0001 ค่าโฮมสเตย์+ค่าอาหาร 4 มื้อ+ค่าล่องเรือ+ค่าไกด์พาเดินป่า ครบจบที่ราคา 1300 บาทต่อคน
0002 ค่าเครื่องไป-กลับ ตกคนละ 1800 บาท (ค่าเครื่องไปลงหาดใหญ่ใครบอกแพงเนอะๆ)
0003 ค่าเช่ารถวันละ 650 บาท ค่าน้ำมัน 2000 บาท ตกคนละ 825 บาท
0004 ค่าขนม ค่าของฝาก อันนี้แล้วแต่น้า
รวม ๆ แล้วทริปนี้ไปใต้สุดของประเทศ 4000 บาทเอาอยู่จ้า
…………………………………………..
อยากไป ๆ ติดต่อที่ไหนได้บ้าง ทางนี้เล้ย
Facebook FanPage ชุมชนท่องเที่ยวจุฬาภรณ์พัฒนา 9
หลิงปิง ผู้ดูแล หรือไกด์ หรือเจ้าของบ้าน หรืออะไรก็แล้วแต่ ติดต่อได้ที่เบอร์ 097 117 5567
…………………………………………..
มา ๆ ข้าจะพาไปดูว่าชุมชนเล็ก ๆ แห่งนี้มีอะไรดี ๆ บ้าง
แต่ก่อนอื่นใด กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มื้อแรกของวันนี้ มาดูกันเล้ยว่ามีอะไรน่ากินบ้าง
จากนั้นพวกข้าก็ไม่รอช้าไปตะลุยชุมชนกัน
00 สะพานแขวนกลางธารน้ำตก
สะพานที่ชาวบ้านร่วมกันสร้างเพื่อทอดตัวยาวผ่านธารน้ำ หรือจะเรียกได้ว่า น้ำตก จะบอกเลยว่า คูลมาก ๆ มีความเขียวขจี น้ำเยอะ สามารถกระโดดน้ำเล่นได้เลยจ้า แต่พวกข้าเอาขาแช่น้ำก็ฟินแล้ว
หรือจะเดินถ่ายรูปชิล ๆ ก็ดีงามไปอีกแบบนะ
ความดีงามของที่สะพานแขวนคือ ได้นั่งเล่นน้ำ นอนเล่นน้ำ มาปิกนิคเบาๆ ริมน้ำก็ได้ หรือแม้กระทั่งแค่ได้ฟังเสียงน้ำก็ฟินแล้ว บอกเลยว่าสายคูลต้องห้ามพลาดเด็ดขาด
…………………………………………..
01 สวนสัตว์เล็ก ๆ กลางชุมชน
หลัก ๆ เลยก็คือ ฟาร์มกวาง ที่มีน้องกวางน่ารัก ๆ และก็มีสัตว์อื่น ๆ ที่เจอระหว่างทางเดินด้วยนะ แบบนี้เลย บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์มาก ๆ และเนี้ยเป็นครั้งแรกเลยที่ได้เจอกิ้งกือยักษ์สีแดงมะเหมี่ยวแบบนี้ แถมยังได้เจอเจ้าตัวแมลงน้อยน่ารักอีกต่างหาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดข้าง ๆ น้องกวาง ก็ยังมีน้องไก่น้า
หลังจากนั้นก็ ถึงเวลาของมื้อเย็นแล้วจ้า นี่คือ มื้อเย็นของพวกข้า จะบอกเลยนะ อร่อยมาก ๆ
สำหรับค่ำคืนนี้ คืนแรกของการนอนโฮมสเตย์ที่เหมือนสเตย์โฮม ปลอดภัยหายห่วงเพราะชาวบ้านดูแลดุจญาติมิตร และที่สำคัญใครที่กังวลเรื่องของความไม่สงบ บอกเลยนะ ไม่มีเลยสักนิด เงียบกริ๊บ จนได้ยินเสียงนกร้อง เสียงลม เสียงน้ำไหล อะ ๆ ไม่พูดเยอะ ขอตัวไปนอนก่อนน้า เพราะพรุ่งนี้ตีห้าครึ่ง จะตื่นไปดูทะเลหมอกกันจ้า บายยยย
…………………………………………..
02 จุดชมวิวทะเลหมอก ผาหินโยก
คนตื่นเช้า จะได้กำไรชีวิต ข้าและเพื่อน ๆ ก็เชื่อกันแบบนั้น และก็จริงด้วยนะ ไม่เชื่อดูสิ
การเดินขึ้นจุดชมวิวแห่งนี้ต้องเริ่มเดินขึ้นช่วงตีห้าครึ่ง ใช้เวลาการเดินประมาณ 30-40 นาที ระยะทาง 800 เมตรได้ ความชันอยู่ที่ 45 องศา มีบางช่วงต้องปีนป่ายบ้าง แต่โดยรวมสนุกมาก ๆ และคุ้มมากที่ได้เจอภาพนี้ ได้เห็นทะเลบนภูเขาอย่างที่คำขวัญได้ว่าไว้จริง ๆ และขาลงก็จะเจอสิ่งเขียว ๆ เช่นนี้
สำหรับตรงนี้แนะนำเลยว่า ทากไม่มีหายห่วง อาจจะเจอยุงกัดบ้าง ก็ฉีดยากันยุงมา ช่วยได้แน่นอน ควรมาแต่เช้าตรู่ ไม่เกิน 9 โมงเช้า ไม่อย่างนั้นหมอกหายหมดไม่รู้ด้วยน้า
หลังจากนั้นก็ไปแวะถ่ายรูปตรงจุดชมวิวที่จะเห็นทะเลสาปฮาลา-บาลาได้งดงามมาก
…………………………………………..
03 ยืนชิดติดขอบทะเลสาปฮาลา-บาลา
บรรยากาศยามเช้า ที่ชาวบ้านจะออกมาหาปูหาปลา ดูแล้วมันช่างสโลวไลฟ์ยิ่งนัก เชื่อข้าเถอะ เมื่อพวกเอ็งได้มาเห็นภาพนี้แล้วอยากจะนั่งอยู่ตรงนี้ตราบนานเท่านาน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ ชีวิตต้องเดินต่อไป แล้วจากนั้นข้าก็เดินไปหามุมคูล ๆ สำหรับเก็บภาพความประทับใจ ก็จะได้ประมาณนี้
เสน่ห์ของน้ำที่ลดลงตามฤดูกาล มันก็ทำให้สวยไปอีกแบบนะ ต้นไม้แห้งๆ ที่เหลือเพียงลำต้น พื้นติดที่แตกออก ก็เท่ห์ไปอีกแบบ เชื่อมั้ยว่าข้าอะ โครตชอบอะไรแบบนี้เลย และข้าก็เชื่อว่าพวกเอ็งต้องชอบ ปะ ๆ หิวข้าวแล้ว มาดูข้าวเช้าสำหรับวันนี้สิ มีอะไรให้กินบ้างน้า
ขวามือคือผัดหมี่ ตรงกลางคือไข่ต้ม ซ้ายมือสุดคือ มันต้ม อาหารที่นี่ก็จะเรียบง่าย เบา ๆ สมกับเป็นมื้อเช้าจริง ๆ แต่อิ่มมากกกก เพราะหลังอาหารก็มีผลไม้เต็มไปหมด บุฟเฟ่ต์จริง ๆ งานนี้ และระหว่างที่เอนจอยอีดติ้งนั้น ชาวบ้านก็รีบบอกว่า นั่น ๆ นกเงือกมาแล้ว ข้าก็คว้ากล้องทันใด แต่เสียดายซูมได้แค่นี้จริง ๆ
สวยงามจริง ๆ ถึงจะเห็นไกล ๆ ก็เถอะ จากนั้นก็ไปตะลุยกันต่อเล้ย
…………………………………………..
04 เข้าป่าตามล่าน้ำตกฮาลาซะห์
น้ำตกที่น้ำเยอะตลอดทั้งปี นี่ขนาดมาตอนที่ว่าน้ำน้อยสุด ๆ นะ เป็นน้ำตกที่เป็นชั้น ๆ สามารถเดินขึ้นไปได้ แต่ต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะมันลื่นนะเออ ส่วนข้าขึ้นไปตรงปลาย ๆ ก็พอ ยืนมองความงามอยู่ตรงนี้ก็เพียงพอแล้วจ้า และนอกจากนี้เจอผีเสื้อน้อยมาเกาะมือด้วยนะ
น่ารักมาก ๆ ทางเดินเข้าก็จะประมาณนี้
คำเตือน จะมีช่วงนึง ที่อาจจะเจอน้องทาก ฉะนั้นแล้วยาฉีดกันยุง กันทาก กันแมลงช่วยได้ และสำคัญมาก ๆ ซึ่งข้านั้นก็โดนเกาะตอนขาไป เพราะไม่ได้ฉีดกันอะไร ส่วนขากลับรู้งาน ฉีดอัดเต็มที่ก็ไม่โดนเกาะใด ๆ เลยจ้า ขาก็ยังสะอาดเหมือนเดิมจ้า
…………………………………………..
05 ล่องเรือ ณ ทะเลสาปฮาลา-บาลา
การนั่งเรือนี้ สามารถนั่งได้ลำละ 4-6 คน ตามขนาดของเรือ เป็นเรือของชาวบ้านที่ชำนาญทาง ชำนาญแม้กระทั่งตรงนี้ต้องหลบ เพราะต้นไม้ใต้น้ำสูง โหย รู้ขนาดนี้เลยหรอ จำได้ขนาดนี้เก่งโครต
จะบอกเลยว่าสีน้ำเขียวมรกตมากกกก คิดว่าอยู่เชี่ยวหลานเลยนะเนี้ย
…………………………………………..
06 ตามหาต้นสมพงยักษ์ที่ใหญ่โครต
นั่งเรือเข้าไปเรื่อย ๆ ก็ถึงจุดเดินป่า เพื่อตามล่าต้นไม้ยักษ์ ซึ่งต้นนี้ชื่อว่า ต้นสมพง น้า
…………………………………………..
07 ลอยละล่องท่องต้นน้ำฮาลา-บาลา
ต้นน้ำนี้ น้ำใสมากกกกก สามารถนอนเล่น กลิ้งเล่นได้เลย คือดีงามมากจริง ๆ
…………………………………………..
08 ระลึกถึงประวัติศาสตร์ที่พิพิธภัณฑ์
ที่นี่คือสถานที่รวบรวม สิ่งของเครื่องใช้ของพรรคมาลายา บรรพบุรุษของที่นี่ ได้รู้ถึงประวัติศาสตร์ด้วยนะ
…………………………………………..
09 นั่งกินผลไม้บุฟเฟ่ต์ที่จัดเต็มมาก เน้น ๆ ทุเรียน
นอกเหนือจากทุเรียนยังมีเงาะ ลองกอง มังคุด แก้วมังกร ลำไย โอ้ย! เยอะมากกก แต่ข้าเน้นๆ ทุเรียนจ้า เพราะคลั่งไคล้สุด ๆ ไปเลย ข้าเหมาคนเดียวไปประมาณ 7-8 ลูกได้ คือ น้ำหนักขึ้นมาทันทีทันใด ทันใจโครต ๆ เพราะมันอร่อยจนเกินห้ามใจจริง ๆ เออ ๆ ลืมให้ดูโฮมสเตย์เลยอ๊า นี่ไง ๆ ผลไม้ล้อมรอบบ้านเลยทีเดียว
จะกินตอนไหนก็ได้ จะนอนตอนไหนก็ได้ ที่สำคัญที่นอนนุ่มมากกกกกก
…………………………………………..
10 ท้ายสุดห้ามลืมแวะขึ้นไปบนเขื่องบางลาง
งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา และแล้วก็ต้องเดินทางกลับ แต่ขากลับ ห้ามลืมแวะขึ้นไปบนเขื่อนบางลางนะ วิวสวยอลังการมากจริง ๆ สวยจนเกินบรรยาย เอาจริง ๆ นะ นี่มันคือเชี่ยวหลานชัด ๆ แต่จะบอกว่า สวยคนละแบบจริง ๆ สีน้ำอย่างกับน้ำทะเลเลยนะ ต้องมากันให้ได้นะ
เพราะที่นี่คือ…ยะลา
ชุมชนเล็กในป่าใหญ่…ชุมชนจุฬาภรณ์พัฒนา 9
……………………………….
ป.ล. สงสัยตรงไหนทักมาถามข้าได้นะที่
www.facebook.com/pommapartiew หรือ www.facebook.com/chalee0808 น้า
แล้วพบกันใหม่น้า