“ จังหวัดอุดรธานี ”
คีรีวงกต มนต์สะกดแห่งขุนเขา
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น รีบลุกจากเตียง จัดการภารกิจส่วนตัว
ก่อนจะคว้ากระเป๋า และจุดหมายของเราในครั้งนี้คือ
หมู่บ้านคีรีวงกต จังหวัดอุดรธานี
ก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนว่าหมู่บ้านคีรีวงกตนั้น
อยู่ห่างออกไปประมาณร้อยกว่ากิโล จากตัวเมืองอุดร
จึงทำให้การเดินทางกินเวลา 2 ชั่วโมงกว่า ๆ เปิด Google Maps ขับตามกันยาว ๆ
แต่วิวสองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งนาสีเขียว และขุนเขาที่ทอดตัวยาวตลอดเส้นทาง
เป็นความงามที่เกินจะบรรยาย ทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
และเราก็เดินทางมาถึงยังจุดบริการนักท่องเที่ยวของหมู่บ้านคีรีวงกต
หลังจากติดต่อพูดคุยกับผู้ใหญ่นรินทร์ โปรแกรมแรกที่เราจะไปกันนั้นก็คือ
“นั่งรถอีแต๊กล่องแก่ง”
แค่ได้ยินชื่อก็น่าตื่นเต้นแล้ว ล่องแก่งเฉยๆมันธรรมดาเดินไป
มาถึงคีรีวงกตทั้งที ต้องขึ้นรถอีแต๊กล่องแก่งซะเลย
นั่งรถอีแต๊กผ่านถนนเข้าหมู่บ้าน เยี่ยมชมความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย
สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งนา และป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์
และในที่สุดก็ถึงเวลาล่องแก่งกันแล้ว จริง ๆ มันก็คือการนั่งรถอีแต๊กลุยไปตามสายน้ำ
ถึงจะไม่ได้หวาดเสียวกับการล่องแก่งจริง ๆ แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
เอาเท้าจุ่มน้ำ นั่งแช่เท้าไปเพลิน ๆ เป็นการคลายร้อนได้อีกแบบ
นั่งแช่น้ำไป ถ่ายรูปไป ก็เพลินดีนะ ตลอดเส้นทางล่องแก่งเป็นการลุยไปตามลำธาร
วิ่งผ่านหินก้อนเล็กก้อนน้อย
ลุยน้ำแล้วก็วิ่งผ่านสวนยาง
บางช่วงทางชันเกือบ 45 องศา แนะนำว่าจับให้มั่น
นั่งเพลินๆกันสักพัก เราก็มาถึง “น้ำตกห้วยช้างพลาย”
เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ น้ำตกเป็นน้ำตก 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นน้ำตกสูง
มีสไลด์เดอร์ให้เล่นด้วย แนะนำว่าห้ามพลาด
ใครอยากจะได้ภาพสวย ๆ ไปลงโซเชียลก็ไม่ควรที่จะพลาดเดินขึ้นมาถ่ายบนน้ำตกกัน
เดินถ่ายรูปกันได้สักพัก กลิ่นอาหารก็ลอยมาแตะจมูกเข้าอย่างจัง
เดินตามกลิ่นไปเลยจร้า มื้อนี้เรามีเมนูเป็น ปลาเผา ไก่ย่าง ส้มตำ
แกงส้มปลาใส่หยวกกล้วยเสิร์ฟในกระบอกไม้ไผ่และข้าวเหนียวย่างกระบอกไม้ไผ่
อร่อยมากกกก ลืมบอกไป ภาชนะที่ใช้เสิร์ฟอาหารนั้นเป็นวัสดุจากธรรมชาติทั้งหมดเลย
ไม่ว่าจะเป็นจานใบตอง แก้วกระบอกไม้ไผ่ หรือแม้แต่ช้อนยังทำมาจากไม้ไผ่เลย
สุดยอดมาก ๆ นำวัสดุธรรมชาติมาใช้ เป็นการช่วยโลกของเราและลดการใช้พลาสติกอีกด้วย
ใครกินหมดแล้วไม่อิ่มขอเพิ่มได้เลยนะ เติมได้ไม่อั้น
เดินเล่นรอบ ๆ น้ำตกอยู่สักพัก ท้องฟ้าเริ่มไม่เป็นใจ
มีฝนโปรยลงมาเล็กน้อยทำให้เราตัดสินใจกลับเข้าหมู่บ้าน เพื่อจับจองที่พัก
ที่พักของเราคืนนี้เป็นแบบโฮมสเตย์ ห้องพักเป็นห้องใหญ่แบบนอนรวม
มีแอร์ มีสองเตียงใหญ่ ห้องน้ำในตัว คุณป้าเจ้าของบ้านใจดีมาก ๆ
ป้าปลูกผัก ผลไม้เกือบทุกชนิด หิว ๆ ก็เดินเข้าสวนได้เลย 555
หลังบ้านเป็นทุ่งนา ที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
เมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบกับยอดข้าวกับสายลมจาง ๆ
เป็นภาพชวนฝันที่อยากหยุดอยู่ตรงนั้นไปนาน ๆ
ที่พักมีจักรยานให้ยืมด้วยนะ หรือใครจะสายแว๊น ป้าก็ใจดี มีมอเตอร์ไซด์ให้ยืมด้วย
พอเดินสำรวจรอบ ๆ เล่นกับน้อง กับแมวแล้ว ก็ได้เวลาแยกย้ายกันไปพักผ่อน
มื้อเที่ยงว่าจัดหนักแล้ว เจอมื้อเย็นนี่ขอตายอย่างสงบ
กับข้าวเยอะมากกกก และที่สำคัญ อร่อยทุกจาน!!!
ไม่ได้เว่อร์นะ จริงจังมาก อร่อยโคตรรร เราเบิ้ลข้าวไปหลายจาน
หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน ได้เวลาแยกย้ายไปพักผ่อน
เช้าวันที่ 2 เรามีนัดกันแต่เช้าเพราะที่คีรีวงกตนี่เค้ามีทะเลหมอกด้วยนะ
ก่อนขึ้นดอยเติมพลังกันด้วยปาท่องโก๋และข้าวเหนียวปิ้ง พร้อมลุย!
น่าเสียดายที่ช่วงนี้พายุเข้า ลมพัดแรง
น้องหมอกเลยเปลี่ยนใจ ไม่ออกมาให้เราเห็นซะงั้น
แต่ไม่เป็นไร แค่วิวที่เห็นอยู่ข้างหน้าตอนนี้ก็คุ้มแล้ววว
ซึมซับบรรยากาศกันเต็มที่แล้วก็ลงจากจุดชมวิว
ผ่านป่ายางของชาวบ้านที่ปลูกไว้ เลยแอบมาดูน้ำยางสักหน่อย
กลับมาถึงปุ๊บ อาหารก็มาเสิร์ฟปั๊บ
มื้อเช้านี่ก็อลังการอีกแล้ว อร่อยไม่อั้นเช่นเคย
เวลาผ่านไปไวจริง ๆ กับทริป 2 วัน 1 คืนของเรา
ค่าเสียหายคนละ 1300 บาท (ไม่รวมค่าเดินทาง)
ถือว่าคุ้มมาก ได้หลีกหนีความวุ่นวาย ได้มาอยู่กับธรรมชาติ
เหมือนได้มาชาร์จแบตให้ตัวเองก่อนกลับไปลุยงานต่อ
การเดินทางไปคีรีวงกต
1. เครี่องบินสู่นามบินอดุรธานี ต่อด้วยรถตู้นำเที่ยวท้องถิ่น หรือเช่ารถยนต์
2.รถโดยสารสู่จังหวัดอุดรธานี
3.ขับรถยนต์ส่วนตัว ปล.ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า ๆ จากตัวเมืองอุดร ขับตามเส้นทางใน Google Maps
หากใครสนใจอยากจะมาสัมผัสบรรยากาศแบบเราก็ติดต่อได้ที่
ผู้ใหญ่นรินทร์ 083-1479004